สารบัญ โปรแกรม Profhilo

• Profhilo คืออะไร ?
• Profhilo ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
• Profhilo เหมาะกับใคร ?
• Profhilo ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
• ตัวอย่างผลลัพธ์การรักษาด้วย Profhilo
• Profhilo ต้องทำบ่อยแค่ไหน ? เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่ ?
• Profhilo แตกต่างกับ Filler อย่างไร ?

Profhilo คืออะไร ?

PROFHILO เป็นสารประกอบกรดไฮยาลูโรนิก (HA) บริสุทธิ์เข้มข้นที่ผสมผสานระหว่างโมเลกุลสายสั้น 32 มิลลิกรัม และสายยาว32 มิลลิกรัมที่มีความคงตัวสูง (Stabilized Hybrid Cooperative Complex of HA) ผลิตด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะ ของ IBSA ที่เรียกว่า “NAHYCO Hybrid Technology” ซึ่งใช้ความร้อนในการปรับโครงสร้างของ HA ขั้นตอนนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของ HA ในการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุดและออกฤทธิ์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น

คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ PROFHILO

• มีความเข้มข้นของกรดไฮยาลูโรนิค (HA) สูงถึง 64 มก./2 มล. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่คงทนยาวนาน
  
• ความหนืดต่ำ ทำให้ฉีดง่าย1 ใช้เวลาไม่นาน
  
• กระจายตัวได้ดีทั่วบริเวณผิว ไม่เป็นคลื่นหลังฉีด ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ
  
• ปราศจากสาร BDDE และสารเคมีอื่น ๆ จึงปลอดภัยต่อผิว
• ผลการรักษาที่เกิดขึ้นตอบสนองต่อการอักเสบที่ต่ำ
  

หลักการทำงานของ PROFHILO

คือการฟื้นฟูโครงสร้างและปรับสมดุลของเนื้อเยื่อในหลายชั้นโดยช่วยส่งเสริมการทำงานและการสร้างใหม่ของเซลล์ Keratinocytes, Fibroblasts และ Adipocytes

ผลที่ได้จากการฉีดในชั้นผิวคือ

1. การกระตุ้นการทำงานของ Keratinocytes และ Fibroblasts ทำให้การสร้างคอลลาเจนชนิดที่1,3,4และ7 รวมถึง elastin เพิ่มมากขึ้น
   
2. ปรับคุณภาพของ Adipocytes (เซลล์ไขมัน) ให้ดีขึ้น

Profhilo ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

Profhilo เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวล้ำลึกที่ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูง เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวจากภายใน ช่วยแก้ปัญหาหลายด้านดังนี้:

1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน: ช่วยให้ผิวกลับมายืดหยุ่นและกระชับอีกครั้ง
   
2. เพิ่มความชุ่มชื้น: เติมน้ำให้ผิวชั้นลึก ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและสุขภาพดี
   
3. ลดเลือนริ้วรอย: ฟื้นฟูผิวที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ และริ้วรอยแห่งวัย
   
4. ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม: ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และดูสดชื่นขึ้น

Profhilo เหมาะกับใคร ?

Profhilo เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงหน้า

• มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยจากวัย
  
• ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
  
• ต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวมให้ดูสุขภาพดี
  
• ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวหลวม ไม่ยืดหยุ่น แต่ไม่ขาดปริมาตร ต้องการผิวที่เด็กขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น เรียบเนียนด้านบนมากขึ้น หรือต้องการให้ริ้วรอย ความไม่เรียบด้านบนลดลง ผิวดูโกลว์ชุ่มชื่นขึ้น โดยไม่เปลี่ยนรูปหน้า
• ผู้ที่เคยฉีด Sculptra หรือ Radiesse จนได้โครงสร้างผิวชั้นลึกที่พอใจ มีความเต็มเด้งของผิวที่ดี แต่อยากแก้ไขผิวชั้นที่ตื้นขึ้นมากขึ้น ให้ผิวด้านบน เรียบเนียน เส้นริ้วรอยลดลง ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น
• ผู้ที่ต้องการความเนียนเด้ง ฟูใส เรียบเนียนของผิว รวมถึงความชุ่มชื่นแบบในผิวตั้งแต่ชั้นตื้นจนถึงชั้นลึก
• ผู้ที่มีหลุมสิว โดยสามารถใช้ร่วมกับเลเซอร์รักษาหลุมสิว รวมถึง Sculptra และ Radiesse ในการรักษาหลุมสิวได้ โดยเน้นกระตุ้นในชั้นที่แตกต่าง โดย Sculptra และ Radiesse มักใช้ในชั้นใต้ผิว หรือหนังแท้ชั้นลึก (Subdermal) ส่วน Profhilo จะสามารถกระตุ้นระหว่างชั้นผิว หรือตั้งแต่หนังแท้ชั้นตื้นถึงชั้นกลางได้ด้วย ผ่านวิธีการฉีดแบบ Intradermal หรือการฉีดไปโดยตรงที่หลุม

Profhilo ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

1. ใบหน้า ลำคอ
2. รอบดวงตา ใต้ตา
   
3. แก้ม กราม
   
4. รอยแผลเป็น รอยหลุมสิว
   
5. มือ แขน เข่า
   
6. ความหย่อนคล้อยตามร่างกาย

ตัวอย่างผลลัพธ์การรักษา

หลังการฉีด Profhilo ผลลัพธ์ที่สามารถคาดหวังได้ ได้แก่ :

• ทันทีหลังฉีด : ผิวดูชุ่มชื้นและฟูขึ้นเล็กน้อย
  
• 1 เดือนหลังทำ : ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลงอย่างเห็นได้ชัด คุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้น และผลลัพธ์ยังคงอยู่ได้นาน

ภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการรักษาช่วยให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

Profhilo ต้องทำบ่อยแค่ไหน ? เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่ ?

การฉีด Profhilo มักแนะนำให้ทำ 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้น:

• เห็นผลลัพธ์เบื้องต้น : 7-14 วันหลังการฉีดครั้งแรก
  
• ผลลัพธ์เต็มที่ : ภายใน 1-2 เดือนหลังการฉีดครั้งที่สอง
  
• คงผลลัพธ์ : นาน 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล

แนะนำให้ทำซ้ำทุก 6 เดือน ห่างจากเข็มที่ 2 เพื่อรักษาผลลัพธ์

Profhilo แตกต่างกับ Filler อย่างไร ?

 Hyaluronic Acid ทั้งคู่ แต่ให้ผลลัพธ์ต่างกัน! ... ใครสับสนระหว่างโปรแกรม ฟิลเลอร์ กับ Profhilo ว่าแตกต่างกันยังไง? วันนี้เรามีคำตอบ!

• ถ้าต้องการปรับรูปหน้า และปัญหาจุดเฉพาะ -> เลือกโปรแกรม ฟิลเลอร์
  
• ถ้าต้องการฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม -> เลือกโปรแกรม Profhilo
  

ทั้งสองสามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด